Lake Placid: The Final Chapter โคตรเคี่ยมบึงนรก 4

ร่วมเขย่าต่อมฮาให้อักเสบโดย เปาตุ๊ อดีตกรรมการตัวแสบที่ผันตัวเองมาเป็นกุนซืนอยู่ขอบสนามพร้อมเหล่านักเตะซาไกหัวหยองที่ลงสนามแบบไร้สตั๊ดและสนับแข้ง นำทีมโดย กระซู่ ศูนย์หน้าจอมฟรีคิก และมะม่วง กัปตันทีมตีนระเบิดสะท้านโลกันต์ ต่างโวลั่นหมายครองแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วย พระราชทานปีนี้ให้จงได้ แต่เกมส์ 90 นาทีในนัดชิงไม่ได้ใสสะอาดอย่างที่คิดพวกเขา จะงัดไม้เด็ดกระซวกบอลเข้าไปถลุงตาข่ายได้อย่างไร เมื่อทั้งในและนอกสนามต่างฮั้วกันแบบไม่เกรงใจกรรมการ?!

ในผลงานที่แสดงความสามารถของอาชีพนักแสดง บิล ไนอีย์ (Love Actually) รับบทเป็นวิลเลียมส์ ข้าราชการในกรุงลอนดอน ยุคทศวรรษที่ 1950 ที่พยายามดิ้นรนเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายใต้เอกสารกองพะเนิน มันคือชีวิตที่มีแต่งานหนัก และเหงาอยู่ที่บ้าน แต่เขาต้องเจอจุดพลิกผัน เมื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ระบุว่าชีวิตนี้ของเขาเหลือเวลาอีกไม่นาน วิลเลียมส์ได้รับอิทธิพลจากคนท้องถิ่น (ทอม เบิร์ก) และมาร์กาเร็ต....

หลังจาก “แอล” ปิดคดีคิระไปแล้ว แต่แอลยังมีคดีร้ายแรงหลงเหลือให้ต้องสะสาง ในเวลาที่เหลืออีกเพียง 23 วัน และเป็นครั้งแรกที่แอลต้องสะสางคดีเพียงลำพังโดยปราศจากคู่หูรู้ใจอย่าง “วาตาริ” เมื่อเด็กหญิง “มากิ”(มายูโกะ ฟูคูดะ) ผู้ถือครองกุญแจสำคัญในการไขคดีปรากฎตัวขึ้น แอลต้องตกที่นั่งลำบากในการคอยคุ้มกันเด็ก ๆ ให้ปลอดภัย จากเดิมที่แอลเคยใช้เพียงสมองไขคดีต่าง ๆ ผ่านจอมอนิเตอร์ กลับต้องออกมาจัดการด้วยตัวเองแบบตัวต่อตัวเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย... ผู้ครอบครองอาวุธร้ายจากฝีมือมนุษย์ “มัจจุราช” ได้กล่าวประโยคเดียวกับคิระว่า... “ฉันจะเปลี่ยนโลกใบนี้”!!! จะเกิดอะไรขึ้นกับแอล? สิ่งใดในโลกจะเปลี่ยนไป? 23 วันสุดท้าย...อันแสนสับสนวุ่นวาย ซึ่งแม้แต่แอลเองก็ไม่อาจสามารถกำหนดได้! อะไรกำลังรอเขาอยู่...การนับถอยหลังอันแสนจะตื่นเต้นเร้าใจกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!!!

หลังจากรอดตายจากความโหดสุดสยองของ จิ๊กซอว์ (โทบิน เบลล์) กลุ่มผู้รอดชีวิตก็ออกตามตัวผู้รอดชีวิตอีกคนหนึ่งที่ชื่อ บ๊อบบี้ ดาเกน โดยหารู้ไม่ว่า ชายผู้มีความลับอันดำมืดคนนี้ จะเป็นผู้ปลดปล่อยความระทึกขวัญระลอกใหม่อีกครั้ง